วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

MTB สู่ ROAD BIKE "TREK Silque SLX"

พักนี้เริ่มเห็นหลายคน หันมาสนใจปั่นจักรยานมากขึ้น โดยเฉพาะสาวๆที่สมัยก่อนอาจจะรู้สึกว่าการปั่นจักรยานจะทำให้ผิวดำคล้ำ ผิวเสียแห้งกร้าน และบลา บลา บลา ...แต่ปัจจุบันพบว่ากำลังเป็นอีกหนึ่งกีฬา Outdoor ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ต่างกับความนิยมในการทำคิ้ว 3 มิติกันเลยทีเดียว (เกี่ยวกันไหม 555+)  เจ้าของ Blog เดิมทีก็ไม่ได้ปั่นจริงจังซะทีเดียวค่ะ เน้นวิ่งเป็นหลักอยู่หลายปี จนพึ่งมาสักช่วงเกือบ 1 ปีให้หลังที่หันมาจริงจังและให้เวลากับการปั่นจักรยานด้วย นอกเหนือจากวิ่งมาราธอน ^^

วันแรกที่คิดจะลองมาปั่นจักรยาน!!!  จำได้ว่าตัดสินใจหลักๆที่ "ราคาจักรยาน" เป็นหลัก คือ แค่ตั้งใจ
จะ "ลองดู" เลยมีงบประมาณในใจไม่เกินที่ 13,000-15,000 บาท บวกกับความใจร้อน เรียกว่าไม่ได้ศึกษาข้อมูลจักรยานเลย "กิเลส+โลภ ล้วนๆ"  เลยรีบไปร้านจักรยานแถวบ้าน และตัดสินใจคว้าเสือภูเขา JAVA มาครอบครองทันทีภายในไม่เกิน 2.5 ชั่วโมง (ไม่ได้คร่อมปั่นหรือทดลองใดๆทั้งสิ้น) รู้แต่ว่าจักรยานหนักเอาเรื่องทีเดียว (มันยกไม่ไหวอ่ะค่ะ) ว่าแล้วทางน้องที่ขายจักรยานก็ตะโกนบอกว่า Bike Fitting ครับพี่ ว่าแต่........มันคืออะไรอ่ะ ?????
"Bike Fitting" คือ การปรับแต่งจักรยานให้เหมาะสมกับร่างกายของผู้ขี่ และปรับท่าทางการขี่ของผู้ขี่ให้สามารถรีดประสิทธิภาพของจักรยานตนเอง ออกมาได้อย่างเต็มที่ ก็จะได้ค่า fitting รถออกมาค่าหนึ่ง เพื่อนำมาปรับแก้ท่าขี่จักรยานให้ถูกต้องเหมาะสมเพิ่มมากขึ้นต่อไป ...อ้อแบบนี้นี่เอง .....
หัดลองปั่นได้อยู่ 3-4 วัน เริ่มรู้สึกว่ามันหนักต้นขา บวกกับช่วงนั้นได้มีโอกาสไปลอง MTB Superfly Carbon โอ๊ว จักรยานมันมีแบบเบาๆด้วยเหรอนี่ "มันยอดเยี่ยมมากค่ะ" เบาขาและออมพลังการปั่นได้อย่างนุ่มนวลจริงๆ มันโดยใจตอนนั้นมาก ก็เลยไม่รีรอช้ารีบโพสขาย JAVA ไปที่ OLX เผื่อว่าถ้าขายได้ก็จะไป upgrade เป็น MTB ที่ดีขึ้นในด้านสมรรนะ & Brand ลงขายเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น!!!!! ก็สามารถขายได้ทันที จำได้ว่ามีคนมาขอซื้อถึง 3-4 รายในเวลาเดียวกัน และแล้ว JAVA ก็ได้พบเจ้าของที่เหมาะสม Bye Bye JAVA My first MTB Bike.....  

MTB คันที่ 2 ยอมรับว่าคิดอยู่ไม่นานเลย ตั้งใจว่าถ้าฝึกซ้อมรอบขา/การปั่นให้ชำนาญกว่านี้ได้ดีขึ้น Step ต่อไปจะลองเสือหมอบเมื่อถึงเวลา และแล้วก็มาจบที่ MTB –TREK Superfly 8.6 จำได้ว่าช่วงนั้นปั่นเมามันส์มาก ด้วยล้อที่ใหญ่ มันสมบุกสมบัน สะเทิ้นทางขรุะขระได้เป็นอย่างดี นับเป็นอีก MTB ที่ส่วนตัวแอนชอบนะ 




ปั่นไปสักพักน่าจะประมาณสัก 1 เดือนนิดๆ ก็โดนเพื่อนในกลุ่มทักว่าเดี๋ยวขาใหญ่นะ บวกกับ Speed ที่เร่งเครื่องยังไงก็ได้สูงสุดไม่เกิน 20-21 ทีนี้ก็เลยเริ่มลังเลแบบ 99-100% ปันใจมาที่ Road Bike เลยค่ะ ครั้งนี้ขอศึกษาข้อมูลให้ถ้วนถี่ก่อนตัดสินใจขั้นเด็ดขาดว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนดี    

เค้าว่ากันว่า !!! เสือภูเขาเหมือนขับรถ Off road ขับง่ายไปได้ทุกสภาพถนนได้เรื่อยๆไม่เร็ว
เสือภูเขามีโครงสร้างที่ใหญ่ แข็งแรง มีหน้ายางที่ใหญ่ และมีดอกยางใหญ่ เพื่อการตะกุยดิน รถแบบนี้จะเน้นความทนทาน เพราะเน้นใช้งานสมบุกสมบัน และมีท่านั่งที่สบายกว่าเสือหมอบ


เสือหมอบเหมือนขับ Formular 1 รถเก๋งโหลด ไร้สปริงค์ ขับยาก หน้าไว ไปได้เร็วมากครับแต่ต้องระวังหลุมและคอสะพาน เสือหมอบ จะเป็นรถที่เน้นความเร็วอย่างเดียว ลักษณะรถจึงเล็ก เพรียว เบา ลู่ลมที่สุด ไม่มีอุปกรณ์ซับแรงกระแทก หน้ายางเล็กแคบ เพื่อลดแรงเสียดทานกับพื้นถนน  ความทนทานน้อยกว่าเสือภูเขา

คันที่ 3 ในชีวิตในรอบ 3 เดือน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยอมรับว่าอยากได้ของดีมาครอบครองมากๆ สับสนและวุ่นวายตอนเลือกซื้อมาก เพราะครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าเปลี่ยนแนวไปจากเดิมจากคนที่ไม่เคยคิดจะปั่นจักรยานเลย และหันมาเริ่มปั่นเสือภูเขาถึง 2 คัน จนตอนนี้จะเปลี่ยนมาคร่อมเสือหมอบ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือน ศึกษาข้อมูลไปมาหลายรอบ จนเรียกว่า "มึน" ก็ว่าได้ แต่จริงๆในใจก็มี Brand ที่ชอบอยู่แล้วค่ะ คือ "TREK" เหลือแต่เลือกรุ่นและแบบที่ชอบเท่านั้นเอง
หลายคนเข้ามาถามแอนเยอะนะ ว่าทำไมต้อง TREK !! ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบรูปแบบ "เฟรมและสีสัน" ของ TREK มาก่อนอยู่แล้ว (แนะนำเลยค่ะ ว่าจักรยาต้องเป็นหน้าตารูปร่างที่เราชอบจริงๆ เหมือนถูกชะตากับคนรักอะไรประมาณนั้นค่ะ)  บวกกับมีโอกาสได้ไปดูจักรยานอยู่หลายร้าน ก็แทบจะมีเพียงไม่กี่ร้านที่จะยอมให้ลองปั่นคันที่เราเล็งไว้ จนกว่าจะชอบและถูกชะตาจริงๆ แอนว่าจักรยานมันก็เหมือนพาหนะสำคัญที่จะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับเรานะ เราต้องคร่อมมันไปอีกนาน ควรได้มีโอกาสลอง ได้ลูบไล้ สัมผัส ก่อนเสียเงินหรือเปล่า

บางคันที่มีราคาแพงหูฉี่ มันดียังไงกว่าราคาที่ถูกกว่า???  นอกจากวิชาการที่ Support มันขาดก็แต่การได้ลองปั่นจริงนะค่ะ อีกอย่างที่รู้สึกได้ คือ "การดูแลบริการทั้งก่อนและหลังการขาย" ของ Probike
แอนชอบจริงๆแบบไม่ได้อวยและได้ค่า Sponsor ใดๆทั้งสิ้น น้องพนักงานทุกๆคนเค้าเป็นนักปั่นด้วยมั้งค่ะ ข้อมูลที่ได้คือมาจากคนที่รู้จริง + เสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมาว่าหลังการขายเค้าก็ยังดูแลเรื่องของบริการหลังการขายได้เป็นอย่างดี

ประเด็นสำคัญสุด คือ การมีสังคม TREK FC ที่มีการให้ข้อมูลเป็นอย่างดี มีการจัด TRIP ปั่นดีๆจากทาง Probike นั่นเองค่ะ แอนคงไม่สามารถปั่นจักรยานได้คนเดียวแน่นอน ก็เลยคิดว่าตัดสินใจว่าคงเลือกไม่ผิดแน่นอนที่จะออกคันใหม่ เป็น "TREK Silque" จากศูนย์ Probike จักรยานเสือหมอบคาร์บอน Style  เอนดูรานซ์ (endurance) ปั่นสบายซับแรงกระแทกสำหรับสาวๆ โดยเฉพาะคันนี้ เห็นปั๊บรักเลยค่ะ .....
Credit Picture by TREK Website

Credit Picture by CYCLINGTIPS
-   ถ้าใครเคยเห็น Trek Domane คงนึกออกที่บริเวณหลักอานจะมี ISO Speed Decoupler ที่สามารถให้ตัวซับแรงกระเทือนได้ เฟรม Silque วางตัวเนื้อคาร์บอนตามขนาดจักรยานโดยเฉพาะ และองศารถก็ออกแบบให้ผู้หญิงปั่นได้สบาย ท่อนอนลาดสโลป เพื่อให้ยืนคร่อมระหว่างจอดได้ง่ายและท่อนั่งกว่ามาตรฐานปกติของจักรยานชาย (สะโพกผู้หญิงอย่างเรามันมีขนาดที่กว้างกว่าผู้ชายเยอะค่ะ) Trek Silque ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Trek Domane ที่โปรใช้ปั่นในสนามคลาสสิคสุดวิบากนั่นเองค่ะ 

-   เรื่องการออกแบบเน้นเป็นรถกึ่งแข่งขันกึ่งปั่นสบาย องศารถอยู่ระหว่าง Trek Domane และ Madone  "รักพี่แต่ก็เสียดายน้อง ขอเก็บไว้ทั้ง 2 Model" ตะเกียบหลัง (Chainstay) ออกแบบให้คุมรถได้นิ่งกว่าเดิมในทางขรุขระ แต่ความสูงกระโหลกใช้ระดับเดียวกับ Trek Madone ซึ่งต่ำกว่า Domane ทำให้ตอบสนองการเลี้ยวเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น
-   Trek Silque มีให้เลือกถึง 6 ไซส์ตั้งแต่ไซส์ 44, 47, 50, 52, 52 และ 56 เซ็นติเมตร ส่วนราคามีตั้งแต่ระดับคาร์บอนไปจนถึง รุ่นท๊อป Project One สั่งทำสีตามที่เราต้องการได้ค่ะ
  • Silque ($2,089)
  • Silque SL ($3,149)
  • Silque SLX ($3,679)
  • Silque SSL ($6,599 or Project One)
Credit Picture by http://justtcycling.com
Trek Silque SSLรุ่นตัวท๊อป ใข้คาร์บอน OCLV 600 และองศาท่อคอแบบ E2 ตะเกียบคาร์บอน มากับกรุ๊ปเซ็ต Shimano Ultegra Di2 และล้อ Bontrager Race X

รุ่นรอง Silque SLX ใช้เฟรมตัวเดียวกับ SSL ชุดเกียร์เป็น Ultegra Mechanical ล้อ Bontrager Race

ส่วนตัวเป็นคนสูงอยู่ที่ 158.5 น้ำหนักตอนอวบ อยู่ที่ 52.5-53.5กก. ขึ้นลงๆประมาณนี้ แอนว่า TREK Silque เหมาะกับผู้หญิง Size ประมาณนี้นะ อาจจะดูที่เฟรมขนาดสัก 47 หรือ 50 ก็ได้ค่ะ อย่างไรก็ตามลองเลือกแบบและสีที่ชอบก่อนเป็นหลักและค่อยไป Bike Fitting อีกทีก็ได้ค่ะ

แอนเลือก TREK Silque SLX เพราะตอนที่ตัดสินใจซื้อ ตั้งใจแล้วว่าอยากได้คันที่ชอบจริงๆ เน้นราคาแพงขึ้นมาหน่อยแต่ถ้าหากปั่นแล้วนุ่มนวล+ลุยๆได้บ้าง นี่แหล่ะตอบโจทย์เลย ก็เลยตัดโจทย์อลูมินัมออกไปก่อนเลยค่ะ ก็เลยเหลือตัวที่เป็น "คาร์บอน" เป็นหลัก ทีนี้ก็มาตัดกันที่ว่าเราจะเลือกคาร์บอนที่มาจากไต้หวันหรือเปล่า ถ้า Serious น้ำหนักของตัวจักรยาน ก็จะเหลือแค่ SLX กับ SL ซึ่ง 2 ตัวนี้ห่างกันแค่สามารถออกแบบตามใจฉันหรือที่เรียกว่า Project One เท่านั้นเองค่ะ ประมาณอารมณ์ว่า "มีคันเดียวในโลก" ซึ่ง SL จะแพงกว่า SLX ขึ้นมาอีกเกือบ 40,000-50,000 บาท ก็เลยตัดสินใจจบที่ Silque SLX แทนค่ะ คิดแค่ว่าปั่นเก่งๆค่อยไป upgrade ชุดขับเคลื่อนอย่างเช่นดูราเอชหรือล้อคาร์บอน น่าจะตอบโจทย์ตัวเองได้ดีกว่า....

จำได้ว่ากว่าจะตัดสินใจถอย Silque SLX ได้เทียวไล้เทียวขื่อเข้า ออก Probike อยู่หลายรอบมาก ลองก็หลายรุ่นแทบจะหมดร้าน แอบเกรงใจที่ร้านไปเลย !!!

ได้คร่อมมาหมดแล้วค่ะ ทั้ง Emonda SLR, Emonda SL, Silque SLX, Domane, Madone แต่ละตัวมันมีข้อดี และข้อด้อยไม่เหมือนกันนะ เราต้องตอบความรู้สึกตัวเองให้ได้ว่าชอบอะไรมากที่สุด สำหรับแอน ชอบ "Silque" มากที่สุดนะ อาจจะเป็นเพราะองค์ประกอบหลายๆอย่างที่ลงตัว ทั้งองค์ประกอบจักรยานและงบประมาณ.....

น้ำหนักรถไม่นับรวมบันได้เริ่มต้นที่ 6.4กก ซึ่งเมื่อได้ติดบันได้และติดอุปกรณ์ไฟหน้าไฟหลังและแตร เพิ่มก็ร่วมหนักราว 7.3-7.4 กก. ค่ะ

 
TREK Domane

TREK Emonda SL
หลังจากที่ได้ครอบครอง Silque SLX มาแล้ว ก็เริ่มจริงจังกับการปั่นและการฝึกซ้อมมากขึ้น สำหรับทางเรียบแบบสนามเขียวที่แรกเริ่ม Avg.Speed ที่ MTB18-19 นั้น พอเปลี่ยนเป็น Road Bike -Silque ก็มีค่าที่ดีขึ้นมาอยู่ที่ 21.5-22 ก็เรียกว่าดีขึ้นจากอุปกรณ์นะ แต่เพียงระดับหนึ่งเท่านั้นค่ะ องค์ประกอบหลักๆ อยู่ที่แรงขาของนักปั่นล้วนๆ

สำหรับ TREK Silque บอกได้เลยค่ะว่าทางเรียบนิ่มนวลมาก อารมณ์เหมือนนั่่งรถแบบเบาะนิ่มๆและเคลื่อนตัวไปตามแรงปั่นเบาๆ ปั่นระยะทางไกลได้สบายๆนะ 2-3 รอบสนามเขียว (ประมาณ 50-70กม.) Avg. ระยะที่สามารถปั่นไปได้สำหรับคนแรกเริ่มปั่น แอนว่าแต่ะ 20-21 ไม่น่ายาก คือเป็นแรงผลักที่แทบจะไม่เหนื่อยเลย สมรรถนะของรถพาไปได้สบายๆสำหรับทางเรียบ ถือว่าผ่านฉลุยค่ะ ......ปัจจุบันผ่านมากว่า 6 เดือน ตอนนี้ AV.Speed อยู่ที่ 25-26 สบายๆค่ะ

แล้วแบบปีนเขา หรือทางขรุะขระ ??? ไม่มีทางรู้หลอก ถ้าไม่ลงแข่งหรือลงพื้นที่จริง ตัดสินใจลงพิชิตมอหินขาวชัยภูมิ พย 2557 และ Tour de farm เขาใหญ่ ธค .2557 ไปเลย แบบไม่เคยฝึกซ้อมด้วยซ้ำ

ทั้ง 2 ทริปนี้ หลังได้เอาน้อง Silaue ไปลุยมาบอกเลยว่าจริงๆแล้วสำหรับทางขรุขระ Silque ก็นำพาไปได้อย่างนุ่มนวลนะ ไม่กระแทกสรีระเบ้าก้น/สะโพก มากเท่าไหร่ แต่ความยากของการขึ้นเขานั้น มันขึ้นกับหลายอย่างนะ โดยเฉพาะจำนวนเฟืองหลังและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของแกนกลางลำตัวและหน้าขา ที่นักปั่นควรมีเป็นทุนเดิม แอนว่าตัวรถมันเบานะ คือถ้าแข็งแรง และมีงบเปลี่ยนเฟืองเพิ่มอีกสักนิดหน่อย เช่นเปลี่ยนเป็น 30-32 ก็น่าจะทำให้ไต่เขาที่ชันๆสัก 11-12 ได้ไม่ยากนะ แต่รอบนี้ได้ลงปั่นไปแบบไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย เนินซึมๆ...สบายๆอยู่ค่ะ แต่ความแข็งแรงส่วนตัวเวลาเจอทางชันสัก 10-11 แอบเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เลยลงเดินเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะตัวเองไม่แข็งแรงมากกว่า
ทริปพิชิตมอหินขาว 42K เดือนพย. 2557 ลงเดินเสียมากกว่าเพราะขอบอกเลบว่าเขาชันมาก จุดชันสูงสุดที่ 15-18  


สรุปในเบื้องต้นสำหรับ TREK Silque ตอบโจทย์สำหรับสาวๆที่อยากปั่นจักรยานเสือหมอบที่อยากได้ความนุ่มนวล แต่ทนทานต่อทางขรุขระได้ในระดับหนึ่งค่ะ หากเน้นทางเรียบ หรือมีขระขระบ้าง ตอบได้เลยว่านิ่มนวลค่ะ สำหรับทางขึ้นเขาก็สามารถไปได้โดยไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรนะ บวกกับน้ำหนักที่เบาของจักรยาน ทำให้สะดวกต่อการแบกหาม หรือแม้กระทั่งโพสท่าถ่ายรูป 5555+

ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ยกเว้นในกรณีที่อนาคตมีโอกาสหรือทุนทรัพย์มากขึ้น การ Upgrade อุปกรณ์ค่อยเป็นอีก 1 Option ที่น่าสนใจค่ะ แต่ในเบื้องต้นสำหรับ Silque แอนว่าก็ตอบโจทย์สำหรับนักปั่นสาวสวยอย่างเราๆ ได้ดีทีเดียวค่ะ    

ตอนนี้ตัวแอนเองก็พยายามซ้อม Trainer ทุกวัน บวกกับเล่นท่าสควอช เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าขาแข็งแรงกว่านี้ ปัจจุบันก็สามารถปั่นได้ที่ Avg.Speed แตะที่ 25-26 ได้ไม่ยากนะค่ะ เป้าหมายของตัวเองต่อไปคือเป็นผญ. เก่งคนหนึ่งที่แข็งแรงสามารถปั่นเน้น Avg. ให้ไปอยู่ที่ 29-30 ก็ได้ หรือสาว Endurance ที่สามารถปั่นระยะไกลๆ หรือขึ้นเขาได้อย่างสบายๆมากกว่านี้ด้วย TREK Silque SLX คันนี้ก็ได้

- เป็นกำลังใจให้แอนด้วยนะค่ะ- สู้ว๊อย...




Bloger by Ann TREK Silque
Date Jan 12, 2015



  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น