ตอนแรกที่จองที่พักใกล้บริเวณงานปั่นจักรยานไว้นั้น ยังแอบคิดว่าจะเงียบเหงาเกินไปไหม! เพราะเป็น Zone ที่ไม่มีแสง สี เสียงอะไรให้เร้าใจเลย .....แต่เชื่อไหมว่าเมื่อได้มาถึงสถานที่พักจริง ทุกอย่างมันบิดพริ้วจากความคิดก่อนหน้านี้ ถูกทดแทนด้วยความสงบท่ามกลางธรรมชาติและกลิ่นไอดินได้อย่างเหลือเชื่อ...ว่าแล้วก็คว้า TREK Silque คู่ใจมาปั่นเล่นสูดบรรยากาศ สำรวจเส้นทางกันสักนิดว่าเนินเยอะขนาดไหน แล้วที่ร่ำลือว่าเส้นทางการปั่นในวันรุ่งขึ้นจะเจอเนินกว่า 70% จริงไหม ?
จากภาพคงเห็นได้ถึงความเป็นธรรมชาตินะค่ะ ว่ามันอิ่ม แน่นด้วยต้นไม้สีเขียว ภูเขาขนาดไหน ถนนลาดยางไว้ได้ค่อนข้างดี ยังไม่มีโรงงาน/นิคมมาตั้งเลย ทำให้ถนนยังมีสภาพที่ดีต่อการปั่นจักรยาน
จุดสังเกตุหลักที่สัมผัสได้ คือเนิน เนิน และก็เนิน มีกำลังใจจากมิตรรักแฟนเพลงข้างทางแน่นมาก
ทั้งน้องลิง น้องห่าน น้องแพะ และก็น้องมะหมาจ้า ^^ ธรรมชาติพอไหมค่ะ
ปั่นจนพอได้เหงื่อ ก็ได้เวลาทานอาหารค่ำก่อนที่จะต้องรีบไปพักผ่อน เพื่อที่จะมีแรงปั่นวันรุ่งเช้า
รุ่งเช้าของวันอาทิตย์ 22 กุมภาพันธ์ เดอะก๊วนมาถึงที่หน้าว่าการอำเภอสวนผึ้งกันราวๆสัก 07.15เพื่อที่จะมาเตรียมตัวประกอบล้อรถจักรยาน และแชะภาพกันสักนิดก่อน Start ในช่วงภายหลังเคารพธงชาติ 8.00น. แล้วเสร็จ
และแล้วก็ได้เวลา Start ของนักปั่น 65K ที่จะได้ปล่อยตัวก่อน หลังจากนั้นก็จะตามด้วยการปล่อยตัวของนักปั่นประเภท 30K อากาศเช้านี้ช่วงปล่อยตัวถือว่ากำลังดีค่ะ เย็นๆสบายๆที่อุณหภูมิราว 24 องศา
หลังจากจุด Start เริ่มต้นในช่วง 10-15 กม.แรก ก็จะเป็นทางเรียบบางส่วน และพบเจอเนินซึม ราว 5-6% และบางช่วงก็เนินชัน 7-8% บ้าง เหมือนจะง่ายนะค่ะ แต่บอกเลยว่าออมแรงแบบสุดๆเลยเพราะรู้ว่าหากนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น หนทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงเป้าหมายที่ K65 คงอีกนาน อีกทั้งทางโดยส่วนใหญ่มันเป็นเนินและก็เนินไปเรื่อยๆแบบนี้ บอกได้เลยว่าหากไม่แข็งแรง และไม่ออมแรงไว้ เหนื่อยแน่ๆ! แต่ก็คุ้มนะ เพราะความโหดที่เห็น มันก็แลกมากับความสวยที่สัมผัสได้ ทำให้กว่า 15 กม. ปั่นไปได้แบบเรื่อยๆ ชมนก ชมไม้ ชมธรรมชาติ สูดอากาศแบบเต็มปอดไปเลยทีเดียว ...
ระหว่างทางเนินซึม คุณนักปั่นผู้ชายบางท่านก็ได้เดินเข็นจักรยานไปตามระเบียบ เพราะช่วงเริ่มเนินแรกๆขุ่นพี่ได้เร่งอัตราความเร็วไปหมดแม็กเสียแล้ว ทำให้พลังปั่นมันหมดเร็ว อย่างที่แอนได้เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้สำหรับเรื่องของการปั่นขึ้นเขา เป็นไปได้เราควรออมแรงให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงของการปั่นขึ้นเนิน เปลี่ยนเกียร์ให้พร้อม รอบขาและความเร็วตบลงให้ช้าที่สุด แบบชนิดที่กินแรงของตัวเองให้น้อยที่สุด เพราะหนทางมันยังอีกยาวไกล อย่าเปลืองพลังไปก่อนโดยใช่เหตุ
เป็นความรู้สึกเสียดายส่วนตัวที่ไม่สามารถทำได้สุดความสามารถขณะปั่นขึ้นเนินโหด 16% นี้ เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้จริงๆ คือจริงๆแล้วก่อนถึงเนินโหด 16% นี้ ก็พอรู้มาจากพี่นักปั่นท่านหนึ่งที่ได้เตือนเอาไว้ระหว่างทางปั่นแล้วว่าอีก 1 กิโลเมตรว่าข้างหน้า ระวังเนินโหดไว้ให้ดี พอรู้แบบนี้ก็รีบเปลี่ยนเกียร์รอรับเนินสุดฤทธิ์
จำได้ว่าความรู้สึกช่วงที่ขึ้นไปได้สักราว 700-800 เมตร ปั่นยังไงก็หนักมาก ว่าแล้วก็งัดวิชา
เกียร์เบา รอบขาและความเร็วช้า เพื่อออมแรงตัวเองให้มากที่สุด จำได้ว่าสามารถขึ้นไปได้อย่างสบายๆประมาณ 60% ของเนินโหด 16%นี้แล้วค่ะ ทันใดนั้น !!!!!
จักรยานคันหน้าก็เบรกกะทันหัน เพราะไปต่อไม่ไหว !! อุ๊ต๊ะ !! ขอเบี่ยงขวาเพื่อแซงแล้วกัน แต่ฟ้าก็ไม่เป็นใจค่ะ มีรถยนต์สวนทางมาพอดี ทำให้ไม่สามารถแซงขวาได้ทันที ก็เลยต้องเบรคจักรยานกะทันหันตามคันหน้าเช่นกัน !!!! แล้วยังไงหล่ะ "ก็ต้องเข็น" เพราะไม่สามารถปั่นต่อไปได้ ณ มุมชัน 16% ตอนนั้น ด้วยความที่รู้สึกไม่สุดของตัวเองก็เลยปั่นจักรยานกลับลงไปที่จุดเริ่มต้นเนินโหดนี้ใหม่อีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการได้ถ่ายภาพนี้....
การขึ้นเนินโหด 16% ครั้งที่ 2 นี้ หนักกว่าเดิมเพราะแรงได้ถ่ายไปรอบแรก ระดับหนึ่งแล้ว ทำให้ปั่นขึ้นได้เพียงแค่ 50% ของระยะทางเนินทั้งหมด บอกเลยว่างานนี้เซ็งในความรู้สึกของตัวเองมาก ค่ะ T_T
หลังจากหมดช่วงเนินโหด 16% นี้ไป หลังจากนั้นก็เป็นเนินที่โหดน้อยกว่านี้นะค่ะ 11-12% ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างโอเค และสบายกับความชันระดับนี้ หากไปเรื่อยๆก็จะไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากเท่าไหร่
อีกจุดประทับใจที่เป็น Downhill Zone คือเป็นการปั่นลงเนินเขาที่โค้งไปโค้งมา ท่ามกลางเขาบังแดดให้สวยมากๆเลยค่ะ ทำให้ลืมนึกถึงความกลัวของทางข้างหน้าไปเลย เพราะมีอารมณ์ของความตื่นเต้นมากกว่าความกลัว ณ เวลานั้น ความเร็วช่วงการลงเนินเขาโซนนี้ จำได้ว่าน่าจะราวๆ 45-50
สรุปสำหรับ Trip ปั่นจักรยานสวนผึ้งในครั้งนี้ ส่วนตัวชอบเส้นทางการปั่นนะ แอนว่ามันธรรมชาติดี
หาได้ยากที่จะมีธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติจริงๆ โดยที่ยังไม่ค่อยสรรค์สร้างความเจริญอะไรมากมาย ทำให้ระหว่างทางการปั่นแม้จะบ่นๆกับตัวเองอยู่หลายครั้งว่ามาทำอะไรที่นี่ แอบท้อๆก็หลายที จะร้องไห้ก็หลายครั้ง ร้อนก็ร้อนแดด แต่มันก็แค่แว๊บๆนะ ยังไงเราก็ต้องผ่านเนิน เนินและก็เนิน และถึงจุดหมายปลายทางที่ กม. 65ให้จงได้ หากใจสู้อะไรก็ทำได้ค่ะ รถพยาบาล รถ Service ต่างๆก็มีมาวนเวียนคอยดูแลได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญงานนี้เมื่อเราสามารถเข้าสู่เส้นชัยได้แล้ว ทางทีมงานก็จะเชิญให้เราขึ้นไปรับถ้วยพระราชทานจากพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงปวงชนชาวไทยบนเวทีด้วยค่ะ ทำให้รู้สึกอิ่มเอมได้อย่างบอกไม่ถูกขึ้นมาเลย
Writer by Ann TREK Silque
Date & Time 22 Feb 2015